ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมบังคับใช้มาตรการใหม่ จำกัดวงเงินการโอนและชำระเงินผ่าน Mobile Banking และพร้อมเพย์ สำหรับบุคคลธรรมดาในกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบาง ภายในสิ้นปี 2568 โดยกำหนดวงเงินรายวันไม่เกิน 50,000 บาท เพื่อป้องกันภัยทางการเงิน
จำกัดวงเงินเพื่อป้องกันมิจฉาชีพ
ดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. เปิดเผยว่า มาตรการใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อลดความเสี่ยงจากกลุ่มมิจฉาชีพ โดยจะ ปรับวงเงินรายวันตามลักษณะและความเสี่ยงของลูกค้า แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม:
- กลุ่มเสี่ยง: ผู้ต้องสงสัยเป็นมิจฉาชีพหรือบัญชีม้า จะถูกจำกัดวงเงินไว้ที่ ไม่เกิน 50,000 บาทต่อวัน (ขนาด S)
- กลุ่มทั่วไป: กำหนดวงเงินตามความเหมาะสมที่ S, M, L โดยพิจารณาจากพฤติกรรมและสถานะทางการเงินของลูกค้า
- กลุ่มเปราะบาง: เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี จะได้รับการจำกัดวงเงินตามความเหมาะสม พร้อมมาตรการตรวจสอบหากขอเพิ่มวงเงิน
ข้อมูลสถิติชี้กลุ่มเปราะบางตกเป็นเหยื่อ
ข้อมูลจาก Thai Police ชี้ว่า ผู้สูงอายุและเด็กตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป พบว่า ถูกหลอกลวงกว่า 41,577 เคส มูลค่าเฉลี่ยความเสียหายสูงถึง 416,453 บาทต่อคน (ข้อมูลระหว่าง 1 มีนาคม – 30 มิถุนายน 2568)
การบังคับใช้และช่องทางแจ้งเตือน
- เริ่มใช้ ปลายเดือนสิงหาคม 2568 สำหรับกลุ่มลูกค้าใหม่ที่เพิ่งสมัคร Mobile หรือ Internet Banking
- กลุ่มลูกค้าเดิมจะเริ่มบังคับใช้ ภายในสิ้นปี 2568
- ธนาคารจะแจ้งเตือนลูกค้าผ่านช่องทางปกติ เช่น SMS หรือแอปพลิเคชันของธนาคาร
มาตรการเพิ่มเติมที่ช่วยลดความเสียหาย
ธปท. ระบุว่ามาตรการเหล่านี้มีผลต่อเนื่อง หลังจากกรณี “แอปดูดเงิน” ลดลงเหลือ 0 เคสในปี 2568 แต่ความเสียหายจากการหลอกให้โอนเงินยังสูงถึง 5,651 ล้านบาทในไตรมาส 2 ของปีนี้ (ลดลงจาก 8,590 ล้านบาทในปีก่อน)
ขณะที่การโอนผ่าน Mobile Banking ยังอยู่ที่ 50,000 บาทต่อครั้ง (200,000 บาทต่อวัน) และพร้อมเพย์ยังคงอยู่ที่ 2 ล้านบาทต่อวัน มาตรการใหม่นี้จึงเจาะจงเพื่อความปลอดภัยในกลุ่มเฉพาะเท่านั้น
ติดตามข่าวสารการเงิน การลงทุน และอัปเดตมาตรการสำคัญได้ที่ เว็บแทงหวย แหล่งข่าวที่คุณวางใจได้ในโลกเศรษฐกิจยุคดิจิทัล